9/24/2553

Become Mom


เตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์ article

เมื่อ คิดจะมีลูก การเตรียมตัวให้พร้อมนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทั้งคุณพ่อและคุณแม่ เพื่อให้ลูกน้อยสมบูรณ์และเป็นปกติที่สุด ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนประมาณ 3 เดือน เพราะในสัปดาห์แรกๆ ของการตั้งครรภ์ คุณอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ และเป็นช่วงเวลาที่กระทบกระเทือนต่อลูกในครรภ์ได้ง่ายที่สุดด้วย โดยเฉพาะคุณแม่ การรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงและกินอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ
นอกจากนี้ยังควรเตรียมพร้อมในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ด้วย
วัคซีนหัดเยอรมัน คุณ แม่ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันก่อนตั้งครรภ์ เพราะหัดเยอรมัน หรือ Rubella นั้นอาจทำให้ลูกน้อยในครรภ์พิการได้ โดยเฉพาะในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกน้อยกำลังสร้างอวัยวะภายในที่ซับซ้อน ถ้าหากแพทย์พบว่าคุณยังไม่มีภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันก็จะฉีดวัคซีนให้ แต่คุณควรจะคุมกำเนิดหลังจากฉีดวัคซีนนี้อย่างน้อยอีก 3 เดือน

โรคทางพันธุกรรม  หากครอบครัวของคุณพ่อหรือคุณแม่มีประวัติการเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทาง พันธุกรรม เช่น ฮีโมฟีเลีย หรือโรคเลือดไหลไม่หยุด ทาลัสซีเมีย หรือโรคโลหิตจาง เป็นต้น ก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อดูว่ามีความเสี่ยงที่ลูกจะเป็นโรคทางพันธุกรรม ได้มากน้อยแค่ไหน

โรคประจำตัว  หากคุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือลมชัก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์ เพื่อปรับเปลี่ยนยา และเตรียมพร้อมในการดูแลที่มากขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์

หยุดใช้ยาคุมกำเนิด  หากต้องการมีลูกควรหยุดยาคุมกำเนิด และให้เวลาธรรมชาติปรับสภาพร่างกาย โดยรอให้มีประจำเดือนอย่างน้อย 3 ครั้งก่อนตั้งครรภ์ โดยให้คุณพ่อใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิดในช่วงนั้นแทน

หลีกเลี่ยงงานที่เสี่ยง  ควรดูว่ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ เช่น ทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมี ตะกั่ว ยาสลบ หรือเอกซเรย์หรือเปล่า เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะแท้ง หรือเป็นอันตรายต่อลูกได้ ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ควรทำ หรือหากเปลี่ยนงานได้ก็ควรเปลี่ยน

ควบคุมน้ำหนัก  คุณแม่ควรมีน้ำหนักในเกณฑ์มาตรฐานอย่างน้อย 6 เดือนก่อนตั้งครรภ์ และควรพบแพทย์เพื่อควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม ไม่ควรลดน้ำหนักเด็ดขาดในระหว่างตั้งครรภ์

กินอาหารที่มีประโยชน์  กินอาหารในครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม และกินผักผลไม้ให้เป็นนิสัย

เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ ทั้ง คุณพ่อและคุณแม่ควรเลิกเหล้าและบุหรี่ เพราะทั้งสองสิ่งนี้ทำให้ความสามารถในการมีลูกลดลง และยังมีผลต่อการเติบโตของทารกในครรภ์ด้วย

ออกกำลังกายเป็นประจำ  เพื่อให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง ควรออกกำลังกายด้วยการเดินหรือว่ายน้ำ อย่างน้อยวันละ 20 นาที 

๑๐ สัญญาณ บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ !!!
**หมายเหตุ ผู้หญิงแต่ละคนจะมีสัญญาณบ่งบอกที่แตกต่างกันไป คุณไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณบ่งบอกนี้ครบทุกข้อนะครับ
๑. เต้านมและหัวนมมีการเปลี่ยนแปลง
หากคุณตั้งครรภ์ คุณจะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเต้านมและหัวนม ซึ่งจะเปราะบาง อ่อนไหว และมีความรู้สึกได้ง่ายขึ้นในระยะ ๓ เดือนแรกของการตั้งครรภ์         (หลังจากที่ประจำเดือนขาดประมาณ ๑ สัปดาห์) หรืออาจเกิดอาการบวมคล้ายๆ กับอาการก่อนเกิดประจำเดือนที่หน้าอกใหญ่ขึ้น
๒. ประจำเดือนน้อยหรือกระปริดกระปอย
หากคุณตั้งครรภ์ ประจำเดือนอาจจะมาน้อยในช่วงที่มีการฝังตัวของไข่ในมดลูก และจะเกิดขึ้นประมาณ ๘-๑๐ วัน ก่อนที่ประจำเดือนปกติจะมา คุณสามารถแยกแยะจากประจำเดือนปกติได้ หากประจำเดือนมาก่อนกำหนด หรือหากประจำเดือนกระปริดกระปอย สีชมพูอ่อน และไม่ได้มาตามขนาดปกติ (ซึ่งอาจจะมามาก)
๓. บริเวณรอบหัวนมคล้ำขึ้น
ในการตั้งครรภ์ เมื่อถึงระยะเวลาที่รอบเดือนควรจะมา คุณจะสังเกตเห็นบริเวณรอบหัวนม (ที่เป็นวง) จะคล้ำขึ้นและขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยให้ทารกสามารถสังเกตเห็นหัวนมได้ง่ายขึ้นในการดูดนม มารดา และอาจจะยังสังเกตเห็นหลอดเลือดบริเวณรอบๆ เต้านมชัดขึ้น ตุ่มที่บริเวณรอบหัวนมก็จะมีมากขึ้น อาจจะมากถึง ๔-๒๘ ในรอบหัวนมหนึ่งๆ
๔. เหนื่อยง่ายขึ้น
อาการเหนื่อยได้ง่ายนี้จะเกิดขึ้นในระยะ ๘-๑๐ สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เมื่อคุณตั้งครรภ์กระบวนการเผาผลาญพลังงานจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับการปรับตัวเพื่อให้กำเนิดอีกชีวิตหนึ่ง โดยมากแล้วอาการนี้จะหายไปในสัปดาห์ที่ ๑๒ ครับ
๕. อาการแพ้ท้องและอาเจียน
อาการนี้อาจเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ หลังจากตั้งครรภ์ ซึ่งจะเกิดอาการเวียนศีรษะ อาการนี้มักเป็นอาการที่เข้าใจผิดได้บ่อยๆ ว่าอาจจะไม่ใช่เกิดจากการตั้งครรภ์แต่เป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอหรืออะไรก็ ตามแต่ อาการแพ้ท้องนี้เกิดได้ตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน
๖. ปัสสาวะบ่อยขึ้น
ในระยะที่ประจำเดือนขาด ๑-๒ สัปดาห์คุณก็จะพบว่าคุณปัสสาวะบ่อยขึ้น บ่อยกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากทารกกำลังเติบโตอยู่ในมดลูกและกดทับกระเพาะปัสสาวะนั่นเอง
๗. ท้องผูก
คุณจะสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลำไส้ตั้งแต่แรกเริ่มตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์จะทำให้ระบบขับถ่ายเปลี่ยน แปลงและมีประสิทธิภาพน้อยลง
๘. อุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้น
คุณอาจจะยังรู้สึกเป็นปกติดีตราบเท่าที่ระดับอุณหภูมิยังคงอยู่ในช่วงการ ประเมินการ แม้จะผ่านช่วงเวลาของการมีประจำเดือนมาแล้ว และเมื่อคุณตั้งครรภ์ ไข่จะตกจากรังไข่ และใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการเดินทางไปถึงมดลูก ซึ่งจะเป็นการไปฝังตัว และในเวลานี้เองที่ร่างกายของคุณจะรู้ได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
๙. ประจำเดือนขาด
นี่อาจเป็นสัญญาณแรก โดยเฉพาะถ้าปกติประจำเดือนคุณมาสม่ำเสมอ เมื่อรวมกับสัญญาณอื่นๆ แล้วคุณก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่ากำลังตั้งครรภ์ แม้แต่ก่อนทำการตรวจด้วยซ้ำไป
๑๐. ผลจากการทดสอบการตั้งครรภ์
แม้เพียงประจำเดือนขาดไป ๑ วัน และคุณพร้อมที่จะรับรู้ความจริง ก็สามารถไปซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์มาทดสอบเองได้ที่บ้าน การทดสอบจากปัสสาวะจะมีความแม่นยำมากขึ้นหากตรวจหลังจากปฏิสนธิได้ ๑๐-๑๔ วัน หากคุณไม่สามารถรอจนถึงกระทั่งช่วงที่ประจำเดือนขาด การตรวจเลือดจะมีความแม่นยำ ในช่วง ๘-๑๐ วันหลังจากปฏิสนธิ และคิดอยู่เสมอว่าไม่มีการทดสอบใดที่ได้ผลถูกต้อง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แม้แต่การตรวจเลือด หากคุณตรวจแล้วมีผลว่าไม่ตั้งครรภ์แต่คุณยังรู้สึกเหมือนกับว่าคุณตั้งครรภ์ ให้ตรวจอีกครั้งหลังจากนั้น ๑ สัปดาห์
    
ขอแสดงยินดีกับคุณแม่ที่ตั้งท้องสมกับความตั้งใจ ท่านอาจจะเกิดอาการบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางท่านอาจจะกังวลว่าอาการดังกล่าวจะมีผลต่อตัวคุณแม่หรือลูกอาการต่างๆ ทีพบได้มีดังนี้
     - อาการแพ้ท้อง
     - การเปลี่ยนแปลงทางเต้านม
     - อาการปวดหลัง
     - ปัสสาวะบ่อย
     - อาการปวดท้องน้อย
     - อาการปวดศีรษะ
     - ริดสีดวงทวาร
     - อาการจุกเสียดแน่นท้อง
     - นอนไม่หลับ
     - ตะคริว
     - อาการเหนื่อยหอบ
     - การเปลี่ยนผิวหนังในคนท้อง
     - อาการบวมและเส้นเลือดขอด

อาการแพ้ท้อง
มักเป็นกันมากในหญิงมีครรภ์ที่เป็นครรภ์แรก ซึ่งมักจะเป็นในช่วง ๓ เดือนแรก ด้วยความเป็นกังวลที่ทำให้มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย แปรปรวนและหงุดหงิดค่อนข้างง่าย หากผู้ใดที่อยู่ใกล้ไม่มีความเข้าใจมักเกิดความรำคาญหรือว่ากล่าวอันเป็น เหตุให้คุณแม่มือใหม่เกิดอาการเครียดขึ้นมาได้
    
อาการต่างๆ ที่เป็นกันมากมักมีดังนี้ คลื่นไส้อาเจียนตอนเช้าๆ หรือตอนกลางวัน อ่อนเพลียหรือเบื่ออาหาร ร่างกายซูบซีดอิดโรย ตัวดำ หรือเหลืองซีด น้ำหนักตัวลด อาการนี้สามีอาจมีอาการร่วมด้วย ที่เราเรียกว่า แพ้ท้องแทนเมีย นั่นเอง ซึ่งถ้าปล่อยให้อาการเหล่านี้เป็นมากเป็นบ่อย อาจส่งผลกระทบถึงทารกที่กำลังจะคลอดออกมาตัวอาจเล็กลง และเป็นโรคขาดสารอาหารได้ หรืออาจจะคลอดออกมาก่อนกำหนด อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาเจียนคลื่นไส้มากคือ ร่างกายแม่รับทานอาหารน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายรับสารอาหารได้ไม่เพียงพอ ปฏิกิริยาต่างๆ ที่กล่าวมาจึงเกิดขึ้นได้
    
ผมมีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับสตรีมีครรภ์ดังนี้ นะครับ
     ๑. พยายามอย่าให้ท้องว่าง โดยทานอาหารอยู่เสมอแต่ทานทีละน้อยๆ แต่บ่อยๆ หรือมีลูกอมเปรี้ยวหวานไว้ติดตัวเสมอ
     ๒. ตอนเช้าควรดื่มน้ำนมอุ่นๆ หรือน้ำสุกอุ่นๆ เสมอ
     ๓. ให้ระมัดระวังควบคุมอารมณ์อย่าให้ฟุ้งซ่าน จะเรียกว่า "เอาธรรมะเข้าข่ม" ก็ได้ พึงระลึกไว้เสมอว่า ในท้องของเรายังมีอีกชีวิตหนึ่งสามารถรับรู้ทุกสิ่งอย่างที่แม่ของเขาได้รับ เสมอ
     ๔. ละลายยาหอมสำหรับสตรีมีครรภ์ให้กินเพื่อแก้อาเจียน หรือกินวิตามินบำรุงจำพวกวิตามินรวม วิตามินบี ๑๒ และบี ๑ แต่ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์นะครับอันนี้
     ๕. ยาสมุนไพรบำรุงครรภ์ นอกจากยาหอมแล้ว ถ้าอาเจียน ให้ใช้ลูกยอเผาไฟให้สุก (แต่อย่าให้เป็นถ่าน) เอาแช่น้ำให้น้ำออกสีเหลืองๆ เอาเป็นน้ำกระสายละลายยาหอมได้ หรือใช้ดอกบัวหลวงผสมน้ำมะพร้าวอ่อนต้มเพื่อบำรุงครรภ์ได้ หรืออาจจะกินแต่น้ำมะพร้าวอ่อนก็ได้เช่นกัน
    
คุณแม่มากกว่าครึ่งจะมีอาการแพ้ท้อง บางคนแพ้มาก บางคนแพ้น้อย  คนที่แพ้น้อยๆ อาจมีแค่เหม็นอาหารนิดหน่อยวิงเวียนคลื่นไส้เล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับอาเจียน ส่วนคนที่เป็นมากบางทีแทบต้องนอนกอดชักโครก  โงหัวขึ้นมาทีไรต้องอาเจียนทุกทีบางคนก็เกิดอาการเหม็นน้ำลายตัวเอง กลืนน้ำลายไม่ได้เลย  ไปไหนก็ต้องถือถุง ต้องบ้วนน้ำลายอยู่ตลอดเวลา  น้ำลายของตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมดันกลืนไม่ลง
           
อาการแพ้ท้องไม่ได้เกิดขึ้นทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์นะครับ ช่วงแรกหลอกให้ดีใจไปก่อน จะมาเริ่มแพ้เมื่อประจำเดือนขาดหายประมาณ ๒ สัปดาห์ หรือถ้านับแบบหมอซึ่งเริ่มเมื่อประจำเดือนมาวันแรก ก็จะเริ่มแพ้เมื่ออายุครรภ์ ๖ สัปดาห์ แล้วแพ้หนักขึ้นเรื่อยๆ ไปหนักสุดในช่วงสัปดาห์ ๙ หลังจากนั้นจะเริ่มดีวันดีคืนจนหายแพ้ตอนอายุครรภ์ ๑๔ สัปดาห์ แต่ก็มีคุณแม่บางคนนะครับที่แพ้ท้องนิดๆ หน่อยๆ ไปจนคลอด
การดูแลตัวกรณีที่อาการไม่มาก
     - กินอาหารว่างที่มีโปรตีนสูง
     - งดอาหารที่มีไขมันหรือใยอาหารสูง กินอาหารที่มีแป้งสูง
     - ให้กินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ
     - ให้กินอาหารบนเตียงตอนตื่นนอนเนื่องจากการเคลื่อนไหวจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
     - เลือกกินอาหารที่มีรสดี
     - อย่าให้ท้องว่างเพราะท้องว่างจะทำให้เกิดคลื่นไส้อาเจียน
     - หลีกเลี่ยงกลิ่นฉุนๆ
     - งดดื่มน้ำผลไม้ กาแฟ แอลกอฮอล์ระหว่างกินอาหาร
     - ดื่มน้ำขิงอาจจะบรรเทาอาการ อันนี้มีผลงานการวิจัยของฝรั่งเค้าด้วยนะครับ
     - ถ้ามีอาการมากน้ำหนักตัวลดมาก แพทย์จะให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ให้น้ำเกลือเพื่อแก้คลื่นไส้อาเจียน
    
ข้อมูลทั้งหมดที่ผม เล่า รวบรวม เรียบเรียงมาให้ได้อ่านกัน น่าจะมีประโยชน์ มากกว่าในการใช้สังเกต ตัวเอง หรือคนรอบข้างที่คุณรัก นะครับ ดีกว่าจะไป สังเกต คนอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องของเรา
    
ให้มองการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องของธรรมชาติ และเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล น่าจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นมงคลกว่า การวิพากษ์วิจารณ์ ผู้อื่นในทางเสียหายนะครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. CasinoSites.One Review - Bonuses, Free Spins, Banking
    토토 검증 먹튀 랭크 casino-sites › casino-sites See yesbet88 all Casino 화이트 벳 Sites in one place! ✓ Bonuses ✓ 에밀리 벳 리 카즈 Banking ✓ Support ✓ Casino Rewards 카라 포커 ✓ Full Reviews.

    ตอบลบ